วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

วรรณคดีสโมสร

วรรณคดีสโมสร ได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเมื่อ ๒๓ กรกฎาคม ๒๔๕๗ ซึ่งมีข้อความเป็นพระราชปรารภว่า
  "พระบาทสมเด็จพระจุลเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ที่จะทรงอุดหนุนทำนุบำรุงการแต่งกาพย์กลอน และเรื่องความเรียงร้อยแก้วในภาษาไทยให้ดีขึ้น แต่ยังหาทันได้ทรงจัดการใดไม่พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัยเสีย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่า พระบรมราโชบาย และพระราชดำริของสมเด็จพระบรมชนกนาถดังกล่าวมานี้เป็นการสมควรยิ่งนัก ด้วยทุกวันนี้ ผู้แต่งหนังสือ และผู้อ่านหนังสือ ก็มีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนทั้งสองจำพวก 
แต่ฝ่ายข้างผู้แต่งยังไม่ค่อยเอาใจใส่ต่อภาษา พยายามแต่งเรื่องอันประกอบด้วย คุณวิชาสาระประโยชน์ มักแต่แต่งเอาอย่างผู้อื่นตาม ๆ กันไป ที่แปลจากภาษาต่างประเทศก็มักแปลแต่หนังสือ ซึ่งเป็นเรื่องอย่างเลว ๆ ในภาษานั้น ๆ และมักชอบหันเหียนเปลี่ยนวิธี เรียบเรียงภาษาไทยไปตามประโยคภาษาต่างประเทศ ด้วยความโง่เขลาสำคัญว่า โวหารอย่างนั้นเป็นของเหมาะเจาะสมควรแก่สมัย มิได้รู้ว่าการที่ทำอย่างนั้น เป็นการทำลายภาษาของตนเองให้เสียไป ส่วนผู้อ่านที่อยากจะอ่านหนังสือ ก็พบแต่หนังสือที่กล่าวมานี้มากขึ้นทุกที บางคนจนถึงไปนิยมว่าภาษาและวิธีแต่งหนังสือ เมื่อการเป็นดั่งนี้ ทรงพระราชดำริเห็นว่า สมควรจะจัดการอย่างใดอย่างหนึ่ง อุดหนุนวิชา แต่งหนังสือภาษาไทยให้ดีขึ้น และพ้นจากการเข้าใจผิดทั้งผู้แต่ง และผู้อ่านดังกล่าวมาแล้วทำนองดั่งที่สมเด็จพระบรมชนกนาถ ได้ทรงบำรุงการศึกษาโบราณคดีมาแต่ก่อน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโบราณคดีสโมสรขึ้น"
  ในมาตรา ๗ แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ กำหนดหนังสือไม่ว่าเรื่องใด จะเป็นหนังสือ โบราณบัณฑิตแต่งไว้ก็ดี หนังสือปัจจุบันแต่งขึ้นใหม่ก็ดี ในประเภทเหล่านี้ได้แก่
  ๑. กวีนิพนธ์ คือ โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน
  ๒. ละครไทย คือ แต่งเป็นกลอนแปด มีกำหนดหน้าพาทย์ ฯลฯ
   ๓. นิทาน คือ เรื่องราวอันผูกขึ้น และแต่งเป็นร้อยแก้ว
   ๔. ละครพูด
  ๕. คำอธิบาย แสดงด้วยศิลปวิทยา หรือกิจการอย่างใดอย่างหนึ่ง (แต่ไม่ใช่ตำรา หรือแบบเรียน หรือความเรียงเรื่องโบราณคดี มีพงศาวดาร เป็นต้น) ให้นับว่าเป็นหนังสือที่ควรพิจารณาในวรรณคดีสโมสรตามพระราชกฤษฎีกานี้
   ในมาตรา ๘ กำหนดหนังสือ ๕ ประเภท ซึ่งกล่าวมาข้างต้นว่า เรื่องใดเป็นหนังสือดี มีคุณวิเศษณ์บริบูรณ์ คือ 
  ๑. เป็นหนังสือดี กล่าวคือ เป็นเรื่องราวที่สมควร ซึ่งสาธารณชนจะอ่านได้โดยไม่เสียประโยชน์ คือ เป็นเรื่องสุภาษิต หรือเป็นเรื่องที่ชักจูงความคิดผู้อ่านไปในทางอันไม่เป็นแก่นสาร  
หรือซึ่งจะชวนให้คิดวุ่นวายไปในทางการเมือง อันจะเป็นเครื่องรำคาญแก่รัฐบาลอของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนี้เป็นต้น
  ๒. เป็นหนังสือแต่งดี ใช้วิธีเรียบเรียงอย่างใด ๆ ก็ตาม แต่ต้องให้เป็นภาษาไทยอันดีถูกต้องตามเยี่ยงที่ใช้ในโบราณกาล หรือไม่ปัตยุบันดาลก็ได้ ไม่ใช่ภาษาซึ่งเลียนภาษาต่างประเทศ หรือใช้วิธีผูกประโยคประธานตามภาษาต่างประเทศ (เช่น ใช้ว่าไปจับรถไฟ แทน ไปขึ้นรถไฟ หรือโดยสารรถไฟ และ มาสาย แทน มาช้า หรือมาล่า ดังนี้เป็นตัวอย่าง) ดังนี้ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หนังสือเรื่องนั้นได้รับประโยชน์จากวรรณคดีสโมสรตามสมควร
  วรรณคดีไทยที่ได้รับยกย่อง
  ในอดีตเรานั้นมีวรรณคดีที่ได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรรัชกาลที่ ๖ หรือบางทีเรียกว่า “ยอดของหนังสือ” ที่แต่งดีในแต่งละประเภท ดังนี้
  ๑.ลิลิตพระลอ เป็นยอดของลิลิต
  ๒.ฉันท์สมุทรโฆษ เป็นยอดของฉันท์
  ๓.กาพย์มหาชาติคำเทศน์ (ปัจจุบันเรียกว่า “ร่ายยาว”) เป็นยอดของกาพย์
  ๔.กลอน เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน เป็นยอดของกลอนสุภาพ
  ๕.บทละคร (รำ) เรื่องอิเหนาในรัชกาลที่ ๒ เป็นยอดของกลอนบทละคร (รำ)
  ๖.บทละคร (พูด) เรื่อง หัวใจนักรบในรัชกาลที่ ๖ เป็นยอดของบทละคร (พูด)
๗.นิทาน เรื่องสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เป็นยอดของความเรียงเรื่องนิทาน
 ๘.อธิบาย เรื่องพระราชพิธีสิบสองเดือน ในรัชกาลที่ ๕ เป็นยอดของความเรียงอธิบาย 
 ต่อมาภายหลังได้มีการพิจารณาหนังสือที่แต่งดีขึ้นอีก ได้แก่
 ๑.กาพย์เห่เรือ ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ เป็นยอดของกาพย์เห่เรือ
๒.พระอภัยมณีคำกลอน ของสุนทรภู่ เป็นยอดของกลอนนิทาน
๓.สาวเครือฟ้า เป็นยอดของบทละครร้อง
๔.มัทนะพาธา เป็นยอดของบทละครพุดคำฉันท์

หมายเหตุข้อความนี้ได้มาจากhttp://learners.in.th/blog/banpuyud/27184 และ http://gotoknow.org/blog/natthawut/15273

ทำไม ก.ไก่ ต้องมาก่อน









            จาก ข้อมูลที่ได้มา อ่านแล้วอาจะได้สาระไม่ครบถ้วน แต่ก็เป็นความรู้ที่น่าสนใจมากเลยครับ เกี่ยวกับการเรียงลำดับตัวอักษร ก-ฮ ว่าทำไมถึงต้องเอาตัว ก. มาเป็นตัวแรก รวมถึงความหมายของตัวอักษรไทยทั้ง 44 ตัวมีคนอธิบายเอาไว้คร่าวๆ ลองอ่านดูครับ

ก.ไก่
   เป็นสัตว์ตื่นเช้าที่สุด เลยให้มาเป็นอักษร ตัวแรก เพื่อเตือนให้คนไทย ขยันขันแข็ง

ข.ไข่
   เป็นดอกผลของ ไก่ แต่จะมีความเปราะบาง ต้องทะนุถนอมให้ดีดี อย่าปล่อยทิ้งละเลยสังคม

ฃ.ฃวด
   เป็นวิถีชีวิตของคนไทยที่ เตือนไว้ว่า แม้จะดื่มกิน ให้มีสติไว้ มิฉะนั้น อาจมีสิ่งใด แตกหักได้

ค.ควาย / ฅ. ฅน
   เป็นวิถีชีวิต ของคนไทย การอยู่ร่วมกัน ระหว่าง ฅน และธรรมชาติ โดยให้ ฅน มาทีหลัง ควาย คือ โง่ มาก่อนฉลาด อย่าอวดฉลาด หากยังไม่รู้จัก โง่ ก่อน

ฆ.ระฆัง
   ให้หมั่นประชุมเป็นนิตย์ อย่าได้ละเลย การพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น

ง.งู
   ต้องกล้าคิดกล้าทำกล้าแสดงความคิดเห็น

จ.จาน
   ต้องรู้จัก การอาสาเจือจาน เข้าทำนอง จ.จานใช้ดี

ฉ.ฉิ่งตีดัง / ช.ช้าง วิ่งหนี
   ให้รู้จักการใช้การทำงานเล็ก ๆ ให้เกิดผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง โดยไม่ต้องคิดการณ์ใหญ่

ซ.โซ่ ล่ามที
   หาก สังคมเตลิดจากการกระทำใดใด ให้รู้จักยั้บยั้งเอาไว้ ด้วย ขนบธรรมเนียมบ้าง

ฌ.เฌอ คู่กัน
   ให้รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ระหว่าง คน และธรรมชาติ

ญ.หญิงโสภา / ฑ.มณโฑ หน้าขาว
   บอกใบ้ให้เห็นว่า สตรี เป็นเพศที่สวยงาม และต้องเอาใจใส่ให้มาก อย่าได้ละเลยลืมเลือน

ฏ.ชฏาสวมพลัน
   เป็นแง่คิดให้เห็นถึง ยศฐาบรรดาศักดิ์ ว่า ไม่จีรัง คล้าย ๆ กับหัวโขน

ฎ.ปฏัก และ ฐ.ฐาน
   เป็นอักษร คู่กัน ที่จะทำงานอะไร ที่ฉับไว เที่ยงตรง ต้องมีรากฐานหรือมีเหตุผลรองรับ อย่างชัดเจน
มั่นคง

ฒ.ผู้เฒ่าเดินย่อง
   เป็นการสะท้อนว่า ผู้หลักผู้ใหญ่จะทำอะไรต้องระมัดระวังให้ถี่ถ้วน อย่างโผงผาง

ณ.เณรไม่มอง ด.เด็ก ต้องนิมนต์
   เป็นอักษรคู่กัน แทนการเปรียบเทียบ ๒ สถาบัน ระหว่างศาสนา และ ฆาราวาส ว่า เมื่อพระท่านมองข้ามสิ่งใด ละเลยสิ่งใด ต้องช่วยกันเตือนได้ ไม่ใช่ละเลยไปหมด

ต.หลังตุง / ถ.ถุงแบกหาม
   เป็นอักษรคู่เช่นกัน ที่เปรียบว่า ทั้งหมด มีหน้าที่ของตัว และต้องทำให้ดีทีสุด ตามสภาพ ที่มีและ
เป็นอยู่

ท.ทหารอดทน
   นี่ชัดเจน ว่า แทน ข้าราชการ ว่า ต้องมีน้ำอดน้ำทน ทำงานไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย เพื่อชาติ

ธ.ธง คนนิยม
   เป็นภาพสะท้อนให้คนรักชาติบ้านเมือง ให้เห็นแก่ประโยชน์ของชาติอันดับแรกเลย

ภ.สำเภากางใบ
   สะท้อนว่า หากจะค้าขายไกล ๆ ต้องพัฒนาศักยภาพของตนเองให้สอดรับกับ สถานการณ์ต่าง ๆ

ร. ล. ว.
   เป็นอักษรชุด ๓ ตัว เรียง ที่มาสะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนไทยที่จะมีส่วนเกี่ยวข้อง กับ ธรรมชาติ น้ำ
สัตว์ และการฝีมือ ที่งดงาม เป็นเอกลักษณ์ของชาติ

ษ.หนวดยาว ศ.ศาลา ส.เสือดาวคะนอง
   สามสอ นี้ เป็นภาคตัวแทนของ อุปนิสัยใจคอของคนไทยว่า รักสงบ(ษ.) โอบอ้อมอารีย์(ศ.)
แต่ ใจนักเลง (ส.)

ห.ไม่พบที่มา

ฬ.จุฬาท่าผยอง
   สะท้อนว่า ริจะเป็นผู้ปกครอง ริจะอยู่เหนือคนอื่น ต้อง ต้านทานอุปสรรคนานาได้ คล้ายกับว่าว
จะขึ้นสูงต้องต้านแรงลมได้

อ.อ่างเนืองนอง
   เป็นสัญญลักษณ์ ย้ำว่าคนไทย ต้องมีจิตคิดเพื่อคนอื่นเสมอ ก่อนคิดเพื่อตัว

ฮ.นกฮูกนั้น
สะท้อนว่า คนไทย ขยัน ตั้งแต่เช้า (ไก่) ยันค่ำ(นกฮูก) เป็นสัตว์ที่ตื่น อยู่ตลอดเวลา





จาก http://guru.sanook.com/9184/

พรบ.การศึกษา 42

1. พรบ.การศึกษาแห่งชาติ เป็นไปตามบทบัญญัติ ใน รัฐธรรมนูญพ.ศ. 2540 มาตราใด ก. 29 ข. 40 ค. 50 ง. 81 2. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติจัดเ...